หลักการ CSR คือ อะไร ?
CSR ย่อมาจากคำว่า Corporate Social Responsibility แปลเป็นไทย หมายถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในองค์กร ความหมายโดยรวมของ CSR ก็คือ การดำเนินกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกองค์กรที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กร หรือนำทรัพยากรที่อยู่นอกองค์กรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อองค์กรและส่วนร่วม เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
การดำเนินกิจกรรม CSR ไม่มีรูปแบบหรือแบบแผนตายตัว จากความหมายของ CSR เป็นอักษรย่อของคำว่า Corporate Social Responsibility ซึ่งแต่ละประโยคเป็นกิจกรรมที่มีความหมาย ดังนี้
C (Corporate) หมายถึง กิจกรรมต่างๆที่ดำเนินไปเพื่อแสวงหาผลกำไร
S (Social) หมายถึง กลุ่มคนหรือสังคม มีวิถีร่วมกันทั้งโดยธรรมชาติหรือโดยเจตนารวมถึงสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่อยู่รายรอบที่มีความสัมพันธ์กัน
R (Responsibility) หมายถึง การยอมรับทั้งผลดีผลเสียข้อดีข้อด้อยในกิจกรรมที่ได้ทำ รวมถึงการสร้างสรรค์และบำรุงรักษา แก้ไข สิ่งที่ส่งผลกระทบไปยังผู้ที่มีส่วนได้เสียในสังคมนั้นๆ
ดังนั้น การดำเนินกิจกรรม CSR องค์กรจึงต้องเป็นผู้กำหนดรูปแบบหรือกิจกรรมรวมทั้งรายละเอียดและวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมกับองค์กร โดยหลักการสำคัญของ CSR ก็คือ ความรับผิดชอบทางสังคม โดยเฉพาะการทำธุรกิจกับสังคมจะต้องอยู่ร่วมกันช่วยเหลือเกื้อกูลเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
หลักการ CSR กับการประกอบธุรกิจ
แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ คือการทำให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมมีปฎิสัมพันธ์กันอย่างสมดุล โดยอยู่ภายใต้หลักความพอประมาณ ความระมัดระวัง. มีเหตุผล และการบริหารความเสี่ยงภายใต้ความรู้และคุณธรรมในการประกอบธุรกิจ เพราะการดำเนินธุรกิจเพื่อแสวงกำไรเพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่หลักประกันของการเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน หลักความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจ เช่น ส่งเสริมการเรียนรู้ให้แก่พนักงานเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง จัดสวัสดิการอย่างเหมาะสม หรือจัดหาวิธีการช่วยแก้ไขปัญหาประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมระดับท้องถิ่นไปจนระดับประเทศ
“ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR (Corporate Social Responsibility) เป็นแนวคิดที่กระตุ้นให้องค์กรภาคธุรกิจใส่ใจกับสังคมมากขึ้น ไม่มุ่งแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากสังคมเพียงอย่างเดียว เนื่องจากในบางองค์กรได้สร้างความเสียหายทั้งในด้าน สิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม และสิทธิ ซึ่งเป็นวิธีการทำธุรกิจที่ไม่ยั่งยืนโดยสิ่งเหล่านั้นได้ย้อนมาทำร้ายลูกค้าทางตรงและทางอ้อมของตนเอง หรือได้สร้างความขัดแย้งกับชุมชนโดยรอบองค์กร ที่ต้องมีตัวประสานและสร้างความเข้าใจให้กับองค์กรธุรกิจให้มาสนใจ“ความรับผิดชอบต่อสังคม”
กระแสตื่นตัวในแนวคิดด้าน “ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR ในปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นถึงรูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรธุรกิจต่างๆทั้งในกิจกรรม
ด้านสงเคราะห์ เช่น การบริจาคทุน หรือสิ่งของให้แก่ผู้ด้อยโอกาส
ด้านรณณรงค์ เช่น จัดกิจกรรมลดภาวะโลกร้อน เพื่อสร้างความตระหนักให้ลูกค้าบริษัท หรือบุคคลทั่วไป
ด้านพัฒนาศักยภาพชุมชน เช่น นำองค์ความรู้ที่องค์กรมีไปถ่ายทอดให้กับชุมชนได้พัฒนาอย่างยั่งยืน หรือองค์กรจะเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนาสังคมกับองค์กรพัฒนาเอกชน ที่มีความสามารถในการทำงานเข้าถึงปัญหาและความต้องการของสังคมโดยตรง ปัจจุบันเริ่มเกิดกลุ่มอาสาสมัครพนักงานในแต่ละองค์กรมากขึ้น
กิจกรรมด้าน CSR ก็ไม่ได้หมายถึง เพียงการทำกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสังคมเท่านั้น แต่รวมถึงความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สังคม และพนักงานในองค์กร เช่น สินค้ามีคุณภาพ ไม่สร้างผลด้านลบแก่สังคม พนักงานได้รับผลตอบแทนและสวัสดิการอย่างเหมาะสม สิ่งนี้ก็เรียกว่า CSR เช่นกัน ซึ่งในหลายองค์กรอาจใช้จุดนี้เป็นการเริ่มต้นกิจกรรม ด้าน CSR ในวงกว้างได้ในอนาคต
กิจกรรมเพื่อสังคมไม่จำเป็นต้องใช้ทุนจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องสร้างสัญลักษณ์ใหญ่โตให้คนทั่วไปเห็น องค์กรควรเริ่มต้นกิจกรรมเพื่อสังคมจากภายในสู่ภายนอก สร้างความเข้าใจกับผู้บริหารจนถึงพนักงานต่อการทำกิจกรรมเพื่อสังคม สร้างกิจกรรมอาสาสมัครเล็กๆภายในองค์กร เช่น การพัฒนาสถานที่ทำงานร่วมกัน จัดบรรยากาศใหม่ๆในสำนักงาน เป็นต้น แล้วแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จและผลดีที่ได้รับจากกิจกรรมนั้นเพื่อเป็นการสร้างความตื่นตัวในกิจกรรมเพื่อสังคม และขยายขนาดกิจกรรมไปสู่ชุมชนหรือสังคมต่อไป
ทุกสิ่งในโลกมีด้านดีและก็ด้านลบอยู่ในตัวมัน แนวคิดการทำกิจกรรมด้าน “ความรับผิดชอบต่อสังคม” หรือ CSR ก็เช่นเดียวกัน ที่อาจเป็นจุดเริ่มสร้างปัญหาให้กับสังคมในอนาคต เพราะถ้าองค์กรธุรกิจทำกิจกรรมเพื่อสังคมตามความต้องการตนเองเป็นที่ตั้ง มองปัญหาในมุมที่ตนเห็นแล้วช่วยเหลือตามที่ตนเองสะดวกเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ได้สร้างภาพลักษณ์แก่องค์กรเท่านั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการกอบโกยผลประโยชน์แล้วสร้างปัญหาทางสังคมทิ้งไว้
การทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่ดีต้องเข้าใจถึงปัญหาหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กิจกรรมที่เราไปทำนั้นประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง ซึ่งกิจกรรมที่สำเร็จอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาอาจจะไม่ได้มารวดเร็วอย่างกิจกรรมที่ฉาบฉวย ที่มุ่งเน้นเป้าหมายทางการโฆษณามากกว่าเป้าหมายของสังคม
ผลประโยชน์จาก CSR ที่องค์กรภาคธุรกิจจะได้รับทางตรงและทางอ้อม ทั้งในด้านชื่อเสียงที่ดีของบริษัท ด้านความเชื่อมั่นของลูกค้าที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด และด้านทรัพยากรบุคคลในองค์กร เช่นบางองค์กรจัดกิจกรรมอาสามัคร พนักงานที่มีแนวคิดว่า “สังคมพัฒนา พนักงานมีสุข ผลงานออกมาดี ลูกค้ามีความสุข และผลประโยชน์ก็คืนสู่องค์กร” นี้คือ วิสัยทัศน์ขององค์กรที่มีก้าวหน้าอย่างยั่งยืน คือการพัฒนาพนักงาน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าต่อความก้าวหน้าขององค์กร